ในปี 2566 นี้ต้องเรียกได้ว่าเป็นปีทองขององค์พระแม่ลักษมี พระเทวีเจ้าแห่งโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง และความมงคล ทั้งปวงจริงๆ ครับ จนถึงขนาดมีวลียอดฮิต “I Told พระแม่ลักษมี” ติดปาก กันทั่วบ้านทั่วเมืองและที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือคนไทยรู้จักพระเทวีองค์นี้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงพระแม่ลักษมีแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีกับภาพลักษณ์ของพระเทวีที่นั่งประทับอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองข้างถือดอกบัวหรือไม่เช่นนั้นแล้วก็มักจะเป็นรูปลักษณ์ที่มีช้างคู่พ่นน้ำลงมาที่เรียกกันว่า “คชลักษมี” แต่ทว่าแท้จริงแล้วรูปลักษณ์ของพระแม่ลักษมีนั้นหากแบ่งกว้างๆ จะได้ 8 ปาง และหากแบ่งแบบเจาละลึกลงไปก็จะมีถึง 16 ปางและหนึ่งในปางที่มีความสำคัญไม่แพ้ปางใดๆ ขององค์พระแม่ลักษมีก็คือปาง “สัมราชยะลักษมี” นั่นเอง
พระสัมราชยลักษมี ถือเป็นรูปลักษณ์อวตารปางสำคัญปางหนึ่งของพระแม่ลักษมีที่มีระบุไว้ในตำราโบราณ โดยว่ากันว่าพระสัมราชยลักษมีนี้จะถูกบูชาโดยกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์หรือผู้มีอำนาจราชศักดิ์ ผู้เป็นใหญ่ในสมัยโบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าหากบูชาพระสัมราชยลักษมีแล้ว กษัตริย์หรือผู้ปกครองจะมีชัยชนะในทุกสิ่ง เพราะพระสัมราชยลักษมีนี้เปรียบได้กับพระเทวีแห่งชัยชนะ (Goddess Of Victory) นั่นเอง
อีกหลักฐานหนึ่งที่สนับสนุนเรื่องของการที่พระสัมราชยลักษมีถูกผู้บูชาโดยกษัตริย์และผู้ปกครองก็คือ คัมภีร์ “สัมราชยลักษมีปิฎก” (Samrajyalakshmipitaka) โดยในคัมภีร์เล่มนี้ได้มีการบรรยายถึงพิธีกรรมในการบูชาพระสัมราชยลักษมีเพื่อให้ได้รับพรในการกำจัดศัตรูและขจัดบาปให้หมดสิ้นไป ด้วย
ลักษณะของพระสัมราชยลักษมีที่ปรากฏพบทั่วไปคือ รูปลักษณ์ของพระแม่เทวี พระหัตถ์จะถือดอกบัวทั้งสองข้าง บางครั้งอาจจะมีหม้อทรัพย์สินเงินทองปรากฎอยู่ข้างๆ พระองค์นั่งประทับอยู่บนราชบัลลังก์ โดยรูปแบบของบัลลังก์นั้นอาจจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยที่แตกต่างกันไป
ถึงแม้ว่าพระสัมราชยลักษมีจะเป็นพระแม่ลักษมีที่บูชาโดยกษัตริย์หรือผู้มีอำนาจในสมัยก่อนก็ตามที แต่ทว่าในปัจจุบันพระแม่ลักษมีปางนี้ก็สามารถบูชาได้ทุกชนชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้า การมีอำนาจ การกำราบศัตรู คู่แข่งขัน ปางนี้เหมาะสมที่สุด ส่วนพระคาถาในการบูชาพระสัมราชยลักษมี คือ
“โอม สัมราชยะลักษมี นะโม สะเตสะตุ
ภุกติ มุกติ ปทายะนี
โมกษัม เทหิ ศริยัม เทหิ
สะระวะ กะมามสะจะ เทหิ เม”